ถ้าพูดถึงประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีจำนวนประชากรมากมายหลายเชื้อชาติ หลอมรวมเอาหลากหลายวัฒนธรรมไว้ในที่เดียว …สหรัฐอเมริกา คงเป็นตัวเลือกของปลายทางที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยสถาพภูมิประเทศ ประกอบกับสิ่งก่อสร้าง และความเจริญหก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวสไตล์ไหน ก็สามารถรองรับได้หมด เหมาะแก่การมาเปิดหูเปิดตาซักครั้งในชีวิต
1. เมืองออร์ลันโด (Orlando), รัฐฟลอริดา (Florida)
เมืองออร์ลันโดมีขนาดเล็ก แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัยให้มากมาย ด้วยความที่เป็นเมืองภูมิอากาศเขตร้อน ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี มีชื่อเสียงในเรื่องของสวนสนุกระดับโลก ซึ่งสวนสนุกที่ได้รับความนิยมมีหลายแห่ง เช่น Walt Disney World ที่นี่มีโซนที่เรียกว่า Magic kingdom เป็นปราสาทซินเดอเรลล่าขนาดเท่าของจริง และยังมีจุดเด่นอย่างหนึ่ง คือ Epcot ซึ่งเป็นการสำรวจเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่จะแสดงสิ่งประดิษฐ์ยุคใหม่ที่น่าสนใจอีกด้วย หลังจากที่ไปเที่ยวสวนสนุกมาแล้ว ไปเที่ยว Sea World Orlando และ Aquatica กันบ้าง จะมีการจัดแสดงสัตว์ทะเล และเครื่องเล่นในน้ำอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ ไม่เพียงเท่านั้น หากว่าคุณสนใจในเรื่องของวิศวกรรมและเทคโนโลยีนอกโลก คุณสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ที่ Kennedy Space Center ซึ่งที่นี่ให้คุณได้ลองเข้าไปในห้องนักบินอวกาศ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ คือประสบการณ์หลากหลาย แปลกใหม่ที่รออยู่
2. เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks), รัฐอลาสก้า (Alaska)
เมืองนี้เป็นสถานที่ชมปรากฏการณ์แสงเหนือออโรร่า ที่สุดสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยทีเดียว โดยปรากฏการณ์แสงเหนือ จะมีประมาณช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนเมษายน นอกจากนี้ เมืองแฟร์แบงค์ ยังมีการจัดกิจกรรมแข่งขันประติมากรรมน้ำแข็ง สำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะการแกะสลักน้ำแข็ง จะต้องไม่พลาดงานนี้ รวมถึงกิจกรรมอีกมากมาย เช่น ล่องเรือคายัคในแม่น้ำชีน่า ตกปลา ขี่เจ็ทสกีหิมะ แช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนชมบรรยากาศสุดฟิน ซึ่งรับรองว่าได้รับความสุขกลับไปอย่างแน่นอน
3. เมืองซานดิเอโก (San diego), รัฐแคลิฟอร์เนีย (California)
เมืองนี้เป็นเมืองที่ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีภูมิอากาศที่เย็นสบาย และยังมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการนอนอาบแดด ช้อปปิ้ง หรือปาร์ตี้ในยามค่ำคืน ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ สวนสัตว์ซานดิเอโก (San diego zoo safari park) อีกสถานที่ท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าของซานดิเอโก Old town เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองอเมริกัน มาหลายพันปี ก่อนที่นักสำรวจชาวสเปนจะมาพบ และเมืองเก่าแห่งนี้ ยังเป็นต้นกำเนิดของรัฐแคลิฟอร์เนียอีกด้วย สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินชิล ๆ ถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศของงานศิลปะ จะต้องแวะมาสถานที่ท่องเที่ยว สวนสาธารณะบัลบัว (Balboa park) มีเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์กว่า 15 แห่ง และยังมีร้านค้า งานศิลปะ อีกมากมาย รวมถึงเป็นสถานที่ตั้งของ Museum of man ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
4. เมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco)
เป็นอีกหนึ่งเมืองในอเมริกา ที่มีความน่าสนใจ มีธรรมชาติที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสะพานโกลเด้นเกต (Golden gate bridge) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยทีเดียว เป็นสะพานแขวนสีส้มโดดเด่น เชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองซานฟรานซิสโก กับเมืองมารีน เคาน์ตี ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมสะพานแห่งนี้จำนวนมาก สถานที่ท่องเที่ยวต่อมา คือ บ้านเก่าแก่สไตล์วิคตอเรียน (Seven sisters) เป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่มีบ้านเก่าแก่ติดกัน 7 หลัง มีความสวยงามมาก เป็นบ้านสีพาสเทล และยังเป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาเยือน
5. เมืองโฮโนลูลู (Honolulu), รัฐฮาวาย (Hawaii)
หากใครที่ชื่นชอบทะเล ลองมาชมบรรยากาศของชาวเกาะฮาวายกันบ้าง เมืองโฮโนลูลูลูถือเป็นปลายทางสุดฮิต ที่นอกจากจะมาพร้อมบรรยากาศชิล ๆ แล้ว ความงามของท้องทะเลยังไม่เป็นรองทะเลไหนในโลก ทั้งต้นกำเนิดการเต้นรำแบบฮาวาย ศิลปะการแสดงควงไฟ กับอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และยังสามารถเดินทางมาเยือนได้ทุกฤดูกาล ตลอดทั้งปี นอกจากความสวยงามของพื้นที่ วัฒนธรรมชองชาวเกาะก็มีความสนใจให้ลองติดตามศึกษา เรียกว่ามาที่เดียวครบเครื่องทั้งการผจญภัย และการพักผ่อน
สำหรับ 5 เมืองท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจนี้ แต่ละที่ก็ล้วนมีเอกลักษณ์ มีเรื่องราวในแบบของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าหากใครกำลังตัดสินใจจัดทริปไปเยือน ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปซักครั้ง แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ควรนึกถึง คือ ด้วยขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ มีหลากหลายวัฒนธรรมหลอมรวมอยู่ ดังนั้น จึงควรให้เวลาในทริปค่อนข้างยาวพอประมาณ เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มอิ่ม
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ
ภาพประกอบจาก: www.pixabay.com
